- การ์ด
- รายการ
ควรแก้รัฐธรรมนูญแบบไหน
2025-10-13 • 2 ความคิดเห็น •
2. ประเด็นหลักที่ต้องการการปฏิรูป (Thematic Issues)
ประชาชนควรเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับ เนื้อหา ที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อแก้ไข "ปัญหาที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน" ประเด็นที่มักเป็นหัวข้อถกเถียง ได้แก่:
2.1 โครงสร้างอำนาจทางการเมือง
-
อำนาจวุฒิสภา (ส.ว.): ควรยกเลิกอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่? และรูปแบบการได้มาของ ส.ว. ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่?
-
นายกรัฐมนตรีคนนอก: ควรปิดช่องทางให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เท่านั้นหรือไม่?
-
ระบบเลือกตั้ง: ควรใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ โดยแยก ส.ส. เขตและบัญชีรายชื่ออย่างไร?
2.2 องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ
-
อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ: ควรจำกัดอำนาจในการตรวจสอบและวินิจฉัยเรื่องทางการเมืองให้แคบลงหรือไม่?
-
กลไกการตรวจสอบ: ควรปรับปรุงกระบวนการสรรหาองค์กรอิสระ (เช่น ป.ป.ช., กกต.) เพื่อให้เกิดความเป็นกลางและเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมืองหรือไม่?
2.3 สิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชน
-
สิทธิขั้นพื้นฐาน: ควรเพิ่มสิทธิใหม่ ๆ ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ เช่น สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี สิทธิที่อยู่อาศัย สิทธิความหลากหลายทางเพศ หรือสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลอย่างสมบูรณ์
-
การมีส่วนร่วม: ควรแก้ไขให้ประชาชนสามารถเสนอกฎหมายและแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ง่ายขึ้นหรือไม่? (เช่น ลดจำนวนผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมาย)
3. คำแนะนำในการแสดงความเห็นสำหรับประชาชน
เพื่อให้การแสดงความเห็นมีประสิทธิภาพ ประชาชนควรพิจารณาดังนี้:
-
ระบุประเด็นให้ชัดเจน: ท่านต้องการให้แก้ ทั้งฉบับ หรือ รายมาตรา และในมาตรานั้นๆ มีสาระสำคัญที่ท่านต้องการแก้ไขคืออะไร
-
ให้เหตุผลสนับสนุน: การแก้ไขแต่ละประเด็นจะ ส่งผลดี ต่อการปกครองหรือคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างไร และจะ ลดปัญหา อะไรลงได้
-
หาจุดร่วม: การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย การเสนอความเห็นโดยคำนึงถึง "ฉันทามติ" และความเป็นไปได้ทางปฏิบัติจะช่วยให้การแก้ไขเดินหน้าได้
การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบของประชาชนอย่างรอบด้านจะช่วยลดความขัดแย้ง และนำไปสู่การสร้างกติกาของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและยั่งยืนมากขึ้น
🗳️ หัวข้ออภิปราย: การกระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่น ควรทำอย่างไรให้เกิดผลจริง
2025-10-31 • 2 ความคิดเห็น •
1. บทนำ (Introduction)
การกระจายอำนาจการปกครองเป็นประเด็นสำคัญของการพัฒนาประชาธิปไตยไทยในระยะยาว แม้จะมีการตรากฎหมายและนโยบายสนับสนุนการกระจายอำนาจมานาน เช่น พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ. 2542 แต่ในทางปฏิบัติ การถ่ายโอนภารกิจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่นยังดำเนินไปอย่างจำกัด ทั้งในด้านงบประมาณ บุคลากร และอำนาจตัดสินใจ 2. ประเด็นหลักที่ควรอภิปราย (Thematic Issues)
2.1 การกระจายงบประมาณและรายได้-
หน่วยงานท้องถิ่นควรมีสิทธิ์จัดเก็บภาษีในระดับท้องถิ่นมากขึ้นหรือไม่?
-
รัฐบาลกลางควรจัดสรรงบประมาณแบบ “เงินอุดหนุนตามภารกิจ” เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นหรือไม่?
-
การสร้างระบบติดตามตรวจสอบงบประมาณท้องถิ่นควรเป็นอย่างไร เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
-
ควรให้ท้องถิ่นมีอิสระในการบริหารบุคลากร เช่น การสรรหาผู้บริหารท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่โดยไม่ต้องผ่าน ก.พ. หรือไม่?
-
การกำหนดนโยบายท้องถิ่นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีอำนาจออกข้อบัญญัติที่ตอบโจทย์พื้นที่ได้มากขึ้นหรือไม่?
-
ควรเปิดให้ประชาชนมีสิทธิเสนอแผนพัฒนาท้องถิ่นโดยตรง (ผ่านระบบออนไลน์หรือประชาคมหมู่บ้าน) หรือไม่?
-
การจัดตั้ง “สภาประชาชนท้องถิ่น” เพื่อเป็นเวทีตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารท้องถิ่น ควรนำมาปรับใช้ในทุกจังหวัดหรือไม่?
3. ข้อเสนอแนะแนวทางเชิงนโยบาย (Policy Recommendations)
-
ปรับโครงสร้างงบประมาณให้ส่วนท้องถิ่นได้รับสัดส่วนไม่น้อยกว่า 35% ของงบประมาณแผ่นดิน
-
จัดตั้ง ศูนย์ข้อมูลท้องถิ่นเปิด (Open Local Data Center) เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบและใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ในการตัดสินใจ
-
ผลักดันให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้งโดยตรง เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบต่อประชาชนในพื้นที่
-
พัฒนากลไก “การกำกับดูแลร่วม (Co-Governance)” ระหว่างส่วนกลาง ท้องถิ่น และประชาชน
4. คำแนะนำสำหรับผู้ร่วมอภิปราย (Guidelines for Participants)
เพื่อให้การอภิปรายสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด ควรคำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้:
-
ระบุให้ชัดว่าการกระจายอำนาจในระดับใดที่ต้องการให้เกิดผลจริง เช่น ระดับจังหวัด เทศบาล หรือชุมชน
-
ให้เหตุผลเชิงประโยชน์สาธารณะ เช่น การกระจายอำนาจช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร และสร้างความโปร่งใส
-
เสนอแนวทางหรือรูปแบบที่เป็นไปได้ เช่น “จังหวัดจัดการตนเอง” หรือ “เขตนวัตกรรมท้องถิ่น”
-
หลีกเลี่ยงการโจมตีทางการเมืองส่วนบุคคล และให้ความสำคัญกับเนื้อหานโยบายและผลกระทบต่อประชาชน
5. สรุป (Conclusion)
การกระจายอำนาจอย่างแท้จริงเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม หากทุกภาคส่วนร่วมกันเสนอความคิดเห็นและผลักดันในแนวทางที่เป็นรูปธรรม จะช่วยให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้อย่างยั่งยืน และสร้างประเทศไทยที่มี “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” อย่างแท้จริง
ค่าครองชีพที่สูงขึ้น กระทบคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างไร และรัฐควรแก้ปัญหาอย่างไร?
2025-10-31 • 2 ความคิดเห็น •
1. บทนำ (Introduction)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประชาชนไทยเผชิญกับภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค พลังงาน ค่าเช่าที่อยู่อาศัย และค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้น โดยรายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและปัญหาคุณภาพชีวิตในหลายพื้นที่ของประเทศ
การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพจึงไม่เพียงเป็นเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับนโยบายแรงงาน สวัสดิการ และความมั่นคงของครอบครัวไทยโดยตรง
2. ประเด็นหลักที่ควรอภิปราย (Thematic Issues)
2.1 รายได้และค่าจ้างขั้นต่ำ (Income and Wages)-
รัฐควรกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้สอดคล้องกับค่าครองชีพจริงในแต่ละจังหวัดหรือไม่?
-
ภาคเอกชนควรมีส่วนร่วมในการกำหนดอัตราค่าจ้างอย่างไรให้เป็นธรรมต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง?
-
ภาครัฐควรใช้มาตรการควบคุมราคาสินค้าจำเป็น เช่น ข้าวสาร ไข่ น้ำมัน อย่างไรให้เกิดผลจริง?
-
การลดภาษีหรือเงินอุดหนุนในระยะสั้น จะช่วยลดภาระประชาชนได้จริงหรือไม่?
-
ควรขยายสิทธิ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ให้ครอบคลุมประชาชนที่รายได้น้อยทุกกลุ่มหรือไม่?
-
รัฐควรสร้างระบบ “สวัสดิการถ้วนหน้า” เช่น เงินอุดหนุนเด็ก / ผู้สูงอายุ / ผู้พิการ อย่างไรให้ยั่งยืน?
3. แนวทางการแสดงความคิดเห็น (Guidelines for Participants)
เพื่อให้การอภิปรายสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์สูงสุด ผู้ใช้งานควรแสดงความคิดเห็นโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
-
ระบุปัญหาที่พบในชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน เช่น “ค่าเดินทางเพิ่มขึ้น”, “ค่าอาหารแพง”, “รายได้ไม่พอใช้”
-
เสนอแนวทางหรือข้อเสนอเชิงนโยบายที่เป็นไปได้จริง เช่น “สนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะราคาถูก”, “ลดภาษีสินค้าจำเป็น”
-
ให้เหตุผลประกอบว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพได้อย่างไร
-
หลีกเลี่ยงการพาดพิงบุคคลทางการเมืองโดยตรง เน้นที่เนื้อหานโยบายและผลกระทบต่อประชาชน
4. สรุป (Conclusion)
ปัญหาค่าครองชีพเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อคนทุกกลุ่มในสังคม การเปิดเวทีให้ประชาชนได้สะท้อนความคิดเห็นจะช่วยให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นถึงความเดือดร้อนที่แท้จริง และสามารถกำหนดนโยบายได้ตรงกับความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารภาครัฐ ควรทำอย่างไรให้เกิดผลจริง
2025-11-06 • ไม่มี •
บทนำ (Introduction)
ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของประชาชน การบริหารงานภาครัฐก็จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน รัฐบาลไทยได้มีนโยบาย “รัฐบาลดิจิทัล” เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความโปร่งใสของระบบราชการ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาครัฐยังเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และระบบข้อมูลที่ยังไม่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างพื้นฐานและระบบข้อมูล
-
ภาครัฐควรลงทุนในระบบคลาวด์และฐานข้อมูลกลางระดับประเทศ เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้หรือไม่?
-
ควรมีการกำหนดมาตรฐานข้อมูล (Data Standard) กลางเพื่อให้ข้อมูลระหว่างหน่วยงานทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นหรือไม่?
-
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลภาครัฐควรอยู่ภายใต้หน่วยงานอิสระเพื่อลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลหรือไม่?
-
ควรมีหลักสูตรอบรมบุคลากรรัฐให้เข้าใจเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมภาครัฐหรือไม่?
-
การคัดเลือกและแต่งตั้งผู้บริหารหน่วยงานด้านเทคโนโลยีควรเน้นความรู้เฉพาะทางมากกว่าระดับตำแหน่งหรืออายุราชการหรือไม่?
-
ควรมีแรงจูงใจให้ข้าราชการใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น เช่น การลดขั้นตอนงานเอกสารหรือไม่?
-
การเปิดให้ประชาชนยื่นคำร้อง ร้องเรียน หรือตรวจสอบโครงการภาครัฐผ่านระบบออนไลน์ จะช่วยสร้างความโปร่งใสได้จริงหรือไม่?
-
ควรมี “แพลตฟอร์มกลางของรัฐ” ที่ให้ประชาชนเสนอแนวทางหรือตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ได้โดยตรงหรือไม่?
-
ภาครัฐควรใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับประชาชนในเชิงนโยบายมากขึ้นหรือไม่?
ข้อเสนอแนะแนวทางเชิงนโยบาย (Policy Recommendations)
-
จัดตั้ง ศูนย์ข้อมูลภาครัฐกลาง (National Data Integration Center) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของทุกกระทรวงและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
-
พัฒนาหลักสูตร “Digital Mindset for Government” สำหรับข้าราชการทุกระดับ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ยืดหยุ่นและใช้เทคโนโลยีได้จริง
-
สร้างระบบ Open Government Portal เพื่อเปิดเผยข้อมูลโครงการ งบประมาณ และผลการดำเนินงานให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย
-
ส่งเสริมการพัฒนา “GovTech Startup” เพื่อให้ภาคเอกชนและภาครัฐร่วมกันออกแบบนวัตกรรมที่ตอบโจทย์บริการประชาชน
คำแนะนำสำหรับผู้ร่วมอภิปราย (Guidelines for Participants)
-
พิจารณาทั้งด้านเทคโนโลยีและด้าน “คน” ว่าจะต้องปรับตัวไปพร้อมกันอย่างไร
-
เสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรม เช่น การใช้แอปพลิเคชันบริการภาครัฐแบบ One Stop Service หรือระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลเดียว (Digital ID)
-
ให้เหตุผลในเชิงประโยชน์สาธารณะ เช่น การประหยัดงบประมาณ ลดขั้นตอน เพิ่มความโปร่งใส และลดโอกาสการทุจริต
-
หลีกเลี่ยงการวิจารณ์เชิงการเมืองหรือบุคคล ควรเน้นที่ “ระบบและโอกาสในการพัฒนา”
บทบาทของระบบคมนาคมต่อความเสมอภาคในสังคม
2025-11-06 • ไม่มี •
การเดินทางไม่ใช่เพียงกิจกรรมในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเท่าเทียมในสังคมและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนอย่างลึกซึ้ง หากระบบการเดินทางไม่เอื้ออำนวย ประชาชนจำนวนหนึ่งอาจถูกจำกัดโอกาสในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การศึกษาที่ดี การทำงานในเมือง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าถึงกระบวนการทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกับผู้อื่น
ในประเทศไทย พื้นที่เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร มีระบบขนส่งที่ค่อนข้างหลากหลาย แต่กลับมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้หลายครอบครัวต้องแบกรับภาระค่าเดินทางจำนวนมากต่อเดือน ตรงกันข้าม พื้นที่ชนบทและชุมชนห่างไกลหลายแห่งยังขาดระบบคมนาคมสาธารณะที่มีคุณภาพ ส่งผลให้การเดินทางเพื่อไปติดต่อหน่วยงานรัฐ การเข้าร่วมประชุมชุมชน หรือแม้แต่การไปเลือกตั้งกลายเป็นภาระที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูงเกินจำเป็น
ด้วยเหตุนี้ การเดินทางจึงมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเมือง เพราะ หากประชาชนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงการเดินทางได้อย่างสะดวกและประหยัด ก็เท่ากับว่าพวกเขามีส่วนร่วมทางการเมืองน้อยลงโดยปริยาย สิ่งนี้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างประชาชนที่ “เข้าถึงระบบ” และประชาชนที่ “ถูกระบบกีดกันโดยไม่ตั้งใจ”
ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการอภิปราย
เริ่มการอภิปรายเพื่อแบ่งปันความคิดเห็นกับผู้อื่นเกี่ยวกับหัวข้อที่คุณสนใจ
พื้นที่สำหรับการอภิปรายของพลเมืองมีไว้สำหรับทุกคนที่สามารถเปิดประเด็นที่ตนสนใจและผู้ที่ต้องการแบ่งปันความคิดเห็นกับผู้อื่น
ในการเปิดการอภิปราย คุณต้องลงทะเบียนที่ CONSUL DEMOCRACY ผู้ใช้ยังสามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอภิปรายที่เปิดอยู่และให้คะแนนด้วยปุ่ม "ฉันเห็นด้วย" หรือ "ฉันไม่เห็นด้วย" ที่พบในแต่ละรายการ